“ลิตเติ้ล ซู คาเฟ่” Story+Concept สร้างชื่อดังทะลุประเทศ ตอนที่ 1

ปัจจุบันกระแสคาเฟ่สัตว์เลี้ยงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคาเฟ่หมา  คาเฟ่แมวที่ผุดขึ้นมากมาย เอาใจสาวกคนรักน้องหมาน้องแมว  กลายเป็นธุรกิจที่มาแรงไม่แพ้คาเฟ่ขนมหวาน  ซึ่งอาจจะเป็นจุดสร้างแรงบันดาลใจให้เติมต่อความฝันของเพื่อนๆที่อยากเปิดคาเฟ่สัตว์เลี้ยง แต่การทำธุรกิจนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่าย  เมื่อพูดถึงคาเฟ่สัตว์เลี้ยง จำเป็นต้องมีดาวเด่นประจำร้านที่สามารถเรียกแขกกลุ่มคนรักสัตว์ให้มาเยี่ยมถึงที่ร้านเพื่อถ่ายรูปและสัมผัสกับน้องๆ เหล่านี้และมาซื้อสินค้าบริการของเราไปในตัว เรียกว่า ต้องมีโจทย์ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าร้านอาหารแนวทั่วไปเพราะยังต้องมีเรื่องของการดูแลสวัสดิภาพน้องสัตว์แต่ละตัวและสวัสดิภาพของคุณลูกค้าด้วย แต่ในความยากของโจทย์ก็มีผู้ทำสำเร็จให้ผู้อื่นได้เห็นเป็นแนวทางเรากำลังจะพูดถึง Little Zoo Caféซึ่งแตกต่างจากคาเฟ่สัตว์เลี้ยงทั่วไปเพราะเป็นคาเฟ่แนวสัตว์แนวExotic ที่สร้างชื่อดังไกลออกนอกประเทศ มาทำความรู้จักกับร้าน  Little Zoo Café และแนวทางการสร้างธุรกิจร้านคาเฟ่สัตว์เลี้ยงให้ประสบความสำเร็จกันค่ะ

คาเฟ่

Exotic Pets Café   ที่เรียนรู้ของคนชอบสัตว์แปลก

เดิมทีคุณเบียร์ (วชิราภรณ์  อร่ามพิบูลย์ผล) เจ้าของร้านลิตเติ้ล ซู คาเฟ่ ประกอบธุรกิจนำเข้าสัตว์เลี้ยงประเภท Exotic โดยมีหน้าร้านอยู่ที่สวนจตุจักร  มีลูกค้าหลายคนที่สนใจและอยากเรียนรู้นิสัยสัตว์เพื่อเก็บข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ  ซึ่งสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่อยู่ที่บ้านส่วนตัวของคุณเบียร์  ทำให้บางครั้งไม่สะดวกที่จะให้ลูกค้ามาที่บ้าน  จึงเกิดความคิดอยากเปิดคาเฟ่ที่เป็นสถานที่พบปะกับลูกค้าที่สนใจสัตว์ Exotic เหล่านี้  ให้มาศึกษาเรียนรู้นิสัยสัตว์  ถูกใจสัตว์ประเภทไหนก็สามารถสั่งซื้อที่นี่ได้เลย  หรือบางคนที่ไม่สามารถเลี้ยงได้  ก็มาเล่นที่นี่ได้เช่นกัน   ที่ลิตเติ้ล ซู คาเฟ่มีสัตว์ให้ยลโฉมหลายประเภท เช่น เฟนเน็คฟ็อกซ์   เร้ดฟ็อกซ์  แรคคูน  เมียร์แคท  คาราคัล(แมวป่า) เป็นต้น  ซึ่งเป็นสัตว์ของคุณเบียร์ที่เลี้ยงไว้อยู่แล้ว  ผลัดกันมาอวดโฉมให้ลูกค้าได้สัมผัส  นอกจากสัตว์เลี้ยงแล้วยังมีเครื่องดื่มและเค้กบริการอีกด้วย  เป็นคาเฟ่เล็กๆที่ให้ลูกค้าได้มาผ่อนคลายและสนุกสนานไปกับสัตว์ Exotic เหล่านี้

“ ก่อนเปิดคาเฟ่  มีการไปศึกษาข้อมูลตามคาเฟ่แมวต่างๆ ที่ไหนมีคาเฟ่แมวก็จะไปทุกที่  หาจุดเด่น จุดด้อย วิธีการบริหารจัดการ แล้วนำมาปรับให้เข้ากับร้านของเรา ”

Little Zoo Café 2

12119022_704367659664306_3642244244102084376_n

 

ดังไกลถึงระดับเอเชีย เพราะมีซุปตาร์เป็นสัตว์แปลก

ความตั้งใจแรกของคุณเบียร์  ที่ต้องการเปิดคาเฟ่เพื่อบริการลูกค้าที่มาซื้อสัตว์เลี้ยงเท่านั้น  ได้มีการวางจุดเด่นของร้าน คือ เป็นคาเฟ่จิ้งจอก  ซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีใครชูจุดเด่นเรื่องนี้  แต่ก็ไม่ได้มองไกลถึงขั้นจะทำคาเฟ่เป็นจริงเป็นจังและไม่คิดว่าจะได้กระแสตอบรับดีถึงเพียงนี้   จากลูกค้าที่มาซื้อสัตว์เลี้ยงซึ่งเป็นลูกค้าที่มาจากธุรกิจขายสัตว์ ก็มีการบอกต่อผ่านทวิตเตอร์  เฟซบุ๊ค และรีวิว  มีการแชร์ต่อๆกันไปสู่วงกว้างถึงกลุ่มคนที่รักสัตว์แต่ไม่เคยเป็นลูกค้าร้านขายสัตว์ของคุณเบียร์มาก่อน  ต่างอยากมาเยี่ยมชมดาวเด่นของที่นี่ไม่ว่าจะเป็น เจ้าเฟนเน็คฟ็อกซ์   น้องกุ๊ก แรคคูนตัวอ้วนจอมป่วน  เมียร์แคทแสนซน  วันไหนโชคดีอาจได้เจอพี่เบอกิ้น แมวป่าคาราคัล  กลายเป็นซุปตาร์ที่ใครๆก็อยากมาถ่ายรูปด้วย  และไม่ใช่แค่ดังในกลุ่มคนไทยที่รักสัตว์เท่านั้น  แต่ยังดังไปถึงแถบเอเชีย ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากหลายชาติไม่ว่าจะเป็นชาวจีน  ไต้หวัน  สิงค์โปร์  ฮ่องกง  มาเลเซีย  ต่างอยากมาสัมผัสน้องๆซุปตาร์เหล่านี้  มีสื่อช่อง CNN ของไต้หวันบินมาทำข่าวถึงที่ร้านเลยทีเดียว  นอกจากนี้ยังได้ลงสื่อนิตยสารของแอร์เอเชีย  ฉบับเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา  ทำให้เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวชาวเอเชียยิ่งขึ้นไปอีก  และร้านลิตเติ้ล ซู คาเฟ่ ถือเป็นร้านแรกในเอเชียที่เป็นคาเฟ่จิ้งจอก  เป็นความโด่งดังที่ได้มาจากเจ้าสัตว์แปลกแต่น่ารักน่าเอ็นดูเป็นจุดเด่นนั่นเอง

“ เขาถึงขั้นบอกว่า ถ้าคุณมาเมืองไทย แล้วไม่มาที่นี่(ลิตเติ้ล ซู คาเฟ่) เหมือนมาไม่ถึง ”

Little Zoo Café 3

ผู้จัดการซุปตาร์

สัตว์เลี้ยงทุกชนิดต่างมีชีวิตและจิตใจ  แน่นอนว่าเมื่อเหล่าแฟนๆของพวกเขามาเยี่ยมกันมากมาย  ย่อมต้องมีเหนื่อยเป็นธรรมดา  คุณเบียร์บอกว่า  “ในแต่ละวันน้องๆจะมีคิวต้อนรับแขกเยอะมาก  จะคอยดูน้องตลอดว่าเหนื่อยรึยัง  ถ้าเหนื่อยจะให้พัก ปิดห้องไปเลยประมาณ  30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง  และก่อนที่ลูกค้าจะเข้าห้องมาสัมผัสน้องๆต้องล้างมือให้สะอาด เพื่อป้องกันสัตว์ป่วย  เราต้องดูแลสุขภาพน้องให้ดีที่สุด”   ทุก 1 เดือน จะมีหมอเฉพาะทางด้านสัตว์ Exotic ประจำร้านมาตรวจสุขภาพเสมอ  และยังมีการหมุนเวียนสัตว์บางชนิดกลับไปที่บ้านเพื่อให้พักผ่อนได้อย่างเต็มที่  นอกจากนี้จะมีสต๊าฟอย่างน้อย 1 คน อยู่ในห้องสัตว์เสมอ  ไม่อนุญาตให้ลูกค้าเข้าเล่นกับสัตว์ตามลำพัง  และควรต้องเชื่อฟังสต๊าฟ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บของทั้งสองฝ่ายไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์  บางครั้งต้องไปออกงาน Event หลายวัน หรือถ่ายภาพลงสื่อ  ต้องดูคิวไม่ให้เหนื่อยเกินไป  ในเมื่อน้องๆเป็นเหมือนซุปตาร์  เจ้าของร้านจำเป็นต้องถนอมสุขภาพร่างกายและจิตใจ  ให้พร้อมต้อนรับแฟนคลับที่มาทั่วทุกสารทิศในระยะยาว  ซึ่งไม่ต่างกับการเป็นผู้จัดการดารานั่นเอง

12278657_715494458551626_6188782789104700523_n

เมื่อถามถึงปัญหาระหว่างคนกับสัตว์  คุณเบียร์บอกว่า “มีเด็กมาเล่น โดยพ่อแม่ไม่มาดูแลด้วย  พอเด็กไม่เชื่อฟัง สต๊าฟเลยไม่กล้าดุ  ตอนหลังต้องบอกสต๊าฟว่า ให้ห้ามเด็ก ต้องดุเด็กนะ เพราะกลัวจะได้รับอันตราย ถ้าไม่เชื่อฟัง ก็ให้ไปบอกพ่อแม่ของเด็ก  มีบางคนโดนกัด เราก็จะบอกสาเหตุว่าทำไมถึงโดนกัด ลูกค้าจะเข้าใจ”

Little Zoo Café 4

13173788_793967334037671_1081614331432411926_n

13255933_799377230163348_2355658453323375547_n

 

ถึงแม้ว่าร้านลิตเติ้ล ซู คาเฟ่ เป็นที่รู้จัก  มีชื่อเสียงในกลุ่มคนรักสัตว์ทั้งชาวไทยและชาวเอเชีย  แต่ด้วยงบประมาณการลงทุนค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นค่าตกแต่งร้าน  ค่าเช่าร้าน  ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหารสัตว์ ค่าจ้างพนักงาน ค่าวัตถุดิบของเครื่องดื่มและเค้ก และค่าจิปาถะต่างๆ   ลำพังรายได้จากการขายสัตว์เลี้ยงและเครื่องดื่ม-เค้กคงไม่เพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงร้านให้อยู่ในระยะยาวได้  ตอนหน้า มาติดตามกันว่า คุณเบียร์ (วชิราภรณ์  อร่ามพิบูลย์ผล) เจ้าของร้าน Little Zoo Café มีกลยุทธ์อย่างไรให้ร้านมีรายได้  สร้างกำไรอย่างต่อเนื่อง  รับรองว่ามีประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากจะเปิดร้านแนวคาเฟ่สัตว์เลี้ยงแน่นอนค่ะ


ขอขอบคุณ  

ร้าน Little Zoo Café คาเฟ่สำหรับคนรักสัตว์  

โครงการสุโขทัย99   เมืองทองธานี 

เปิดให้บริการทุกวัน 10.30 – 19.00 น.   

โทร. 092-448-1116


เรื่องโดย  แมวเพ้อเจ้อ

บทความแนะนำ

Social Media เพื่อนแท้ร้านอาหาร

260,000แฟนคลับชอบ

บทความล่าสุด