ความสำเร็จจากคนใส่ใจ “ร้านใส่นม”
สมัยก่อนเราอาจจะเคยเห็นอากง อาแป๊ะยืนขายชา กาแฟโบราณด้วยรถเข็นเก่าๆในตอนเช้า บางเจ้ามีขนมปังนึ่งจิ้มสังขยาและขนมปังปิ้งขายด้วย เงินที่ได้มาพอหาเลี้ยงชีพไปวันๆ แต่ใครจะไปคิดว่าอาชีพเล็กนี้ๆ จะสามารถทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ วันนี้แอดมินขอนำเรื่องราวของคู่หนุ่มสาววัย 27 ปี คุณกิตติยา บรรณาธิกร (โม) และ คุณสกลรัชต์ สีห์สินปิตากร (โอม) เจ้าของร้าน “ใส่นม” มาแบ่งปันประสบการณ์เส้นทางความสำเร็จร้านเครื่องดื่มชง ราคาย่อมเยาที่เริ่มจากร้านรถเข็นเล็กๆ แต่ถึงวันนี้ขึ้นปีที่ 4 ขยายกิจการเติบโต 11 สาขา ทั้งในรูปแบบสาขาตัวเองและระบบแฟรนไชส์ โดยใช้หลักคิด “กำไรต่อทุน” โตจากข้างใน
หัวคิดต่อยอดธุรกิจ
ย้อนไปในวัยเรียนมหาวิทยาลัย ทั้งคู่ก็เริ่มคิดอยากทำธุรกิจมาตั้งแต่ช่วงนั้น จึงลองทำธุรกิจหลายๆ อย่างดู เช่น ขายของออนไลน์ ทำเครือข่าย ลองผิดลองถูกมาหลายครั้ง พอเรียนจบจึงคิดอยากจะทำธุรกิจสักอย่างหนึ่งที่สามารถเติบโตได้ เผอิญไปเจอเพื่อนของคุณโม ซึ่งกำลังขายเครื่องดื่มชง นมสด ขนมปังสังขยาเป็นร้านรถเข็นอยู่หน้าปั๊ม ทั้งคู่เกิดความรู้สึกอยากลองทำ จึงไปขอเรียนรู้จากเขา “เหตุที่สนใจในธุรกิจนี้เพราะมองว่า เป็นธุรกิจที่คลาสสิคมีมานานตั้งแต่เด็กๆ แต่มันไม่ป็อบสักที ถ้าเรามองหาทำเลดีๆ ปรับรูปโฉมใหม่ให้ทันสมัยขึ้น ก็อาจจะป็อบขึ้นมาได้” ความคิดในหัวตอนนั้นไฟแรงมาก แต่จู่ๆ เพื่อนคุณโมปิดกิจการกะทันหัน พลอยให้คุณโมและคุณโอมเริ่มแอบหวั่นๆ ใจในธุรกิจที่กำลังจะปั้นขึ้นมา เพราะขนาดเขาทำมาก่อน เปรียบเสมือนเป็นครูสอนยังต้องปิดกิจการลง นับประสาอะไรกับคนที่ไม่เคยทำมาก่อน จะไปรอดไหม แต่ด้วยความที่คิดตั้งใจอยากจะทำแต่แรก ทั้งคู่จึงเดินหน้าลุยตามเป้าหมายกันต่อ โดยไม่แคร์สายตาเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันที่ส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัทดีๆ แต่ทั้งคู่ยอมเป็นพ่อค้า แม่ขาย รถเข็น หน้ามัน แต่งตัวไม่สวย
ทุนก้อนแรกกับร้านรถเข็น
คุณโมและคุณโอมร่วมลงทุนกันคนละครึ่งรวม 7 หมื่นบาท ในการซื้อรถเข็น อุปกรณ์ต่างๆ วัตถุดิบ รวมถึงการตกแต่งรถเข็นซึ่งเป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษในการเปิดร้าน คุณโอมเล่าว่า เขาลงทุนติดไฟ 11 ดวง เพื่อให้ร้านสว่าง ลงทุนทำป้ายชื่อร้านและป้ายเมนูให้ใหญ่ ดูทันสมัย ลบคราบรถเข็นเครื่องดื่มชงแบบเดิมๆ ไปเลย เพราะเชื่อว่า ถ้าทำร้านให้ดูโดดเด่น สะดุดตา ก็สามารถดึงดูดลูกค้าได้ นอกจากนี้ยังลงทุนทำป้ายไวนิลขนาดใหญ่ไปเช่าพื้นที่ติดป้ายหน้าโรงเรียนปากเกร็ด และบริเวณท่าน้ำปากเกร็ดซึ่งเป็นที่ตั้งรถเข็น พร้อมกับเปิดเฟซบุ๊กแฟนเพจ “ร้านใส่นม” เพื่อประชาสัมพันธ์ร้านให้เป็นรู้จักในย่านนั้น
ต้องขายดี ไม่ใช่แค่ขายได้
ถึงแม้จะทำร้านรถเข็น ธุรกิจเล็กๆ แต่ใช่ว่าจะต้องวางเป้าหมายให้เล็กตาม คุณโมและคุณโอมไม่ได้มองแค่ว่า ให้พอขายได้ มีรายได้เป็นวันๆ แต่มองไปไกลถึงขั้นว่า จะต้องขายดี ขายได้เยอะๆ จนสามารถขยายกิจการได้เพราะฉะนั้นทั้งคู่จึงไม่หยุดอยู่กับที่ พยายามคิดหาช่องทางที่สามารถสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตื่นตั้งร้านตั้งแต่เช้ามืดจนถึงสามทุ่ม เพื่อต้องการทราบช่วงเวลาการขายที่พีคที่สุด เมื่อได้ข้อมูลก็นำมาปรับเวลาขายใหม่เป็น 07.00 – 11.00 น. อีกรอบคือ 15.00 – 21.00 น. (ช่วงนี้แหละ พีคสุดๆ) มีการประชาสัมพันธ์ร้านให้เป็นที่รู้จัก นอกจากนี้ยังนำเสียงความต้องการจากลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียน มาคิดต่อยอดหาท้อปปิ้งที่หลากหลายมานำเสนอ เช่น วิปครีม กล้วย ไข่มุก เริ่มมีเมนูปั่นและคิดเมนูใหม่ด้วย พยายามหาช่องทางต่อยอดอยู่เรื่อยๆ จนได้ผลตอบรับที่ดีเกินคาด เพราะเพียงแค่เดือนแรกก็ขายดิบขายดี ขายได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 6 พันบาทต่อวัน เมื่อเทียบกับขนาดร้านเล็กๆ ถือว่ารายได้ดีมาก แต่ก็แลกมาด้วยความเหนื่อยสุดๆ เหนื่อยถึงขั้นว่า ลุกขึ้นยืนไม่ไหว เหนื่อยจนไม่อยากจะขายแล้ว เพราะขายดีเกินไป!!!
เรื่องราวของร้านใส่นมยังไม่จบ เพราะพัฒนาการเริ่มจากมือใหม่จนกลายเป็นผู้ประกอบการอยู่บนเส้นทางความสำเร็จของคุณโมและคุณโอมต้องบอกว่าไม่ธรรมดา ตอนหน้ามาติดตามเทคนิคการปั้นร้านเล็กๆ จนสามารถขยายสาขาสร้างกำไรทุกวันทุกสาขา และกลายเป็นแบรนด์ร้านใส่นมที่ยอดฮิตในย่านนนทบุรีได้อย่างไร อยากรู้ต้องติดตาม รับรองว่า เพื่อนๆ นำไปต่อยอดได้แน่นอน
ขอขอบคุณ คุณโมและคุณโอม
ร้านใส่นม หัวถนนแจ้งวัฒนะ ท่าน้ำปากเกร็ด
โทร. 084-900-1220
แฟนเพจร้าน : ร้านใส่นม
เรื่องโดย แมวเพ้อเจ้อ