[sg_popup id=”9586″ event=”inherit”][/sg_popup]ช่วงเทศกาลวันหยุดยาว ๆ อย่างช่วงปีใหม่ที่เพิ่งผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่ผู้ประกอบการร้านอาหารทุกคนต่างรอคอย เพราะคือช่วงเวลาที่จะเร่งยอดขายให้พุ่งขึ้นมาได้มากที่สุดจากเหตุผู้คนหยุดงานมีการรวมตัวสังสรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับร้านชาบู-หมูกระทะ ที่ถือเป็นจุดเช็คอินฮอตฮิต ที่ผู้คนมักรวมกลุ่มกันมาถล่มพุงตัวเองกันแบบไม่ยั้ง แต่อย่างไรก็ตาม แม้ช่วงวันหยุดยาวๆ จะเป็นช่วงพีคที่ร้านชาบู-หมูกระทะจะมีโอกาสยอดพุ่ง แต่ถ้าไม่เตรียมตัวให้ดีแล้วล่ะก็ แทนที่จะรุ่ง ก็อาจพลาดจนยอดร่วงได้เช่นกัน ดังนั้น วันนี้เราจึงขอแนะนำ 3 สิ่งหลักๆ ที่จำเป็นจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดสำหรับโกยยอดขายในช่วงเทศกาลหยุดยาวๆ
1.วัตถุดิบเตรียมให้พอระวังของขาด เผื่อจำนวนต้อนรับวันหยุดยาวๆ
เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องเตือนตัวเองไว้เสมอว่า “ช่วงเทศกาล ร้านไหนๆ ก็ต้องการขายของ” ดังนั้น ทุกร้านอาหารจะต้องสต็อกวัตถุดิบให้เพียงพอขาย และเผื่อจำนวนคนวันหยุดไวด้วยเพื่อไม่ให้พลาดโอกาสดีๆ ไป ซึ่งแน่นอนว่าร้านชาบู-หมูกระทะ เป็นร้านสไตล์บุฟเฟต์ เนื้อหมูต้องใช้เยอะ เป็นพระเอกเลย รองลงมาอื่นๆ ก็เนื้อไก่ เนื้อปลา ไข่ ผัก ตลอดจนวัตถุดิบสำคัญสำหรับการทำน้ำจิ้ม สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เราต้องคำนวณให้ดีว่า จะต้องซื้อเท่าไร ซื้อตอนไหน และวัตถุดิบแต่ละตัวมี Life Time หรือ อายุการใช้งานได้นานแค่ไหน คือต้องซื้อมาให้ใช้ได้อย่างมีคุณภาพในช่วงเวลา และก็ต้องไม่สต็อกนานเกินไปจนเน่าเสีย หรือด้อยคุณภาพลงด้วย
ทั้งนี้ ในเรื่องของการเตรียมวัตถุดิบ เหตุผลที่สำคัญก็เพราะ ถ้าเราของขาด คือวัตถุดิบไม่พอ ก็จะทำให้ร้านขายได้อย่างไม่เต็มที่ หรือถ้าของขาดขณะที่กำลังเปิดร้าน ก็จะกลายเป็นดราม่าเสียหายอย่างหนักได้ ในขณะเดียวกัน ถ้าเราชะล่าใจ ไม่ได้วางแผนเรื่องการซื้อวัตถุดิบเอาไว้อย่างรอบคอบ ในช่วงเวลาหยุดยาวๆ นั้น เราก็อาจต้องเจอกับ “ราคาวัตถุดิบที่แพงกว่าปกติ” เพราะเป็นกลไกของตลาดอยู่แล้วที่เมื่อมีความต้องการมากกว่าจำนวนของ สินค้าก็จะราคาแพงขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าเราได้วัตถุดิบที่ราคาแพงมา ก็จะทำให้ต้นทุนเราสูงขึ้น และเมื่อไม่สามารถขายราคาแพงกว่าเดิมได้ ก็จะทำให้กำไรเราลดลง คือแทนที่ปีใหม่จะยอดเพิ่มกำไรเพิ่ม กลับกลายเป็นว่า ทุกอย่างกลับดิ่งลงสวนทางกับเป้าหมายที่ต้องการ
2.เลือกวัตถุดิบที่ดี ให้มีคุณภาพมากที่สุด
สืบเนื่องจากการที่ทุกร้านต้องกักตุนวัตถุดิบเอาไว้ใช้เพื่อเร่งยอดขายในช่วงปีใหม่ จึงทำให้โอกาสที่เราจะพลาดได้วัตถุดิบที่ไม่ดี ไม่มีคุณภาพมานั้นก็มีมากขึ้น ดังนั้น ในการเลือกวัตถุดิบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ “เนื้อหมู” ซึ่งเป็นพระเอกของร้านชาบูหมูกระทะนั้น จึงจำเป็นต้องทำอย่างพิถีพิถัน พนักงานที่ส่งไปซื้อต้องเลือกเป็น ตาดี ไม่ถูกย้อมแมวขาย โดยหลักการเลือกเนื้อหมูคุณภาพ ง่ายๆ มีแนวทางแนะนำ ดังต่อไปนี้
-เนื้อหมูที่ดีต้องมีสีชมพู ที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยหากแดงเข้มจนเกินไป นั่นอาจเป็นเพราะมีสารอันตรายอย่าง “เคลนบิวเทอรอล” ผสมอยู่ในเนื้อหมู
-เนื้อหมูที่มีสีแดงเข้ม ถึงแม้จะไม่ใช่เนื้อหมูที่ผสมสารอันตราย แต่ก็จะถือว่าเป็น “เนื้อหมูแก่” ที่จะเหนียว เคี้ยวยาก ถือว่าไม่ใช่เนื้อดีที่จะนำมาใช้ทำหมูกระทะชาบู
-มันหมูต้องมีสีขาว ไม่ขุ่น ไม่มีกลิ่นคาว หรือเหม็นเน่า
-ผิวของเนื้อหมูจะต้องไม่มีเมือก เพราะเมือกเป็นสัญญาณเตือนว่าเนื้อมีการก่อตัวของแบคทีเรียแล้ว กำลังจะเริ่มเน่าเสีย
-ถ้าพบว่าเนื้อหมูมีลักษณะเขียวช้ำ ควรหลีกเลี่ยง เพราะแสดงว่าเนื้อกำลังเน่าแล้ว
-พยายามเลือกเนื้อหมูที่ไม่มีเม็ดสาคู หรือพยาธิแทรกอยู่ในเนื้อ ซึ่งถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เวลานำมาทำอาหารก็ต้องตัดส่วนที่เป็นเม็ดสาคูออก และควรต้มเนื้อหมูที่เหลือให้นานกว่าปกติ แต่นั่นก็สำหรับการใช้หมูทำอาหารประเภทอื่น เพราะสำหรับหมูกระทะชาบูนั้น ลูกค้าเป็นคนต้ม คนปิ้งหมูเอง ดังนั้น เลือกที่ไม่มีพยาธิเลย จะดีที่สุด
ในช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคม ที่เป็นช่วงเวลาของการกินเฉลิมฉลองปีใหม่ ถ้าหากวัตถุดิบที่ร้านเราเลือกมาใช้ไม่มีคุณภาพ เนื้อหมูที่เลือกมาไม่ดีพอจะทำให้ลูกค้าไม่ประทับใจ ทำให้ลูกค้าคอมเพลนได้ หรืออาจถึงขั้นเลวร้ายส่งผลเสียต่อสุขภาพลูกค้าขึ้นมา “เป็นเรื่องรุนแรงเลยที่เดียว” เพราะอาจทำให้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของร้าน ซึ่งเคสความเสียหายแบบนี้ ก็มีตัวอย่างให้เห็นกันมาแล้วบ่อยๆ ดังนั้น อย่าชะล่าใจจนทำให้เราไม่มีวัตถุดิบที่ดี เอาไว้บริการลูกค้าในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของปีเลยครับ ไม่คุ้มกันแน่นอน
[irp]
3.บริหารพนักงานให้ดี ให้มีพอให้บริการให้ดีที่สุด
ช่วงเทศกาลใครๆ ก็ได้หยุด แต่ร้านอาหารไม่ว่าจะร้านชาบูหมูกระทะแบบเรา หรือร้านไหนๆ ก็คงหยุดไม่ได้ และแน่นอนว่า ผู้ประกอบการก็เปิดร้านคนเดียวไม่ได้ด้วย ดังนั้น ในเรื่องของการบริหารจำนวนพนักงาน จึงจำเป็นต้องวางแผนและตระเตรียมให้เรียบร้อย อันดับแรกเลยคือต้องคำนวณให้มีพนักงานเพียงพอต่อการให้บริการลูกค้าในช่วงพีค เพื่อให้สามารถรับลูกค้าได้ดีที่สุด ในขณะเดียวกันก็อย่าลืมนะครับว่า พนักงานที่ทำงานช่วงสิ้นปีถึงปีใหม่นั้น อาจไม่ใช่เรทค่าแรงปกติธรรมดาทั่วไป เพราะถือเป็นช่วงวันหยุด ที่ทุกคนควรได้รับ หรือมีสิทธิ์ลา
ดังนั้น จุดนี้ก็ต้องคำนวณให้ถี่ถ้วนเช่นกัน ไม่เช่นนั้นแล้ว จะทำให้เรามีต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าก็จะไปลดทอนกำไรให้เหลือน้อยลง ดังนั้น พนักงานตำแหน่งไหนควรมี จำเป็นต้องมี ตำแหน่งไหนขาดได้ ต้องจ่ายค่าแรงเท่าไร ล่วงเวลาต้องมีไหม ฯลฯ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องรู้ให้ชัดก่อนถึงช่วงเวลาจริง เพราะรับรองได้เลยว่า สิ้นปีทีไร คนแน่นร้านแน่ๆ และถ้าดูแลไม่ดีแล้วล่ะก็ ร้านเราต้องแย่แน่ๆ
“หมูแช่แข็ง” ทางเลือกที่ตอบโจทย์ร้านชาบูหมูกระทะทุกช่วงเวลา
หลายคนอาจรู้สึกว่า “อาหารแช่แข็งมันก็ต้องไม่สดน่ะสิ” ซึ่งเอาจริงๆ แล้วถือว่าเป็นอะไรที่อาจเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะต่อให้เราซื้อ “หมูสด ของสด” มาจริงๆ เราก็ต้องเอาไปเก็บไว้ในช่องแช่แข็งอยู่ดี ดังนั้นแล้ว ประเด็นที่ว่า “อาหารแช่แข็งเป็นอาหารไม่ปลอดภัยนั้น” ตรงนี้ถ้าเราเข้าใจและเลือกซื้ออย่างถูกต้องแล้ว เราจะได้วัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพ และตอบโจทย์อะไรอีกหลายอย่าง ที่ทำให้ร้านอาหารสามารถทำกำไรได้มากขึ้น โดยข้อดีของ “หมูแช่แข็ง” ที่เราร้านอาหารควรทำความเข้าใจใหม่ และไม่ควรมองข้ามไป มีดังต่อไปนี้
1. หมูแช่แข็ง คือเนื้อหมูวัตถุดิบที่ผ่านกระบวนการถนอมอาหารด้วยความเย็นอุณหภูมิติดลบ 18 องศาเซลเซียส เพื่อหยุดการเติบโตของจุลินทรีย์ จึงทำให้คงความสดและคุณภาพของหมูเอาไว้ในยาวนานมากขึ้น หรือง่ายๆ คือ ไม่เน่าเสียง่าย เก็บได้นาน ในขณะที่ยังสด อร่อย ดีอยู่ได้จนเข้าปากลูกค้านั่นเอง
2. หมูแช่แข็ง ไม่ได้ผ่านกระบวนการใส่วัตถุกินเสียแต่อย่างใด จึงทำให้ปลอดภัยแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์จากสารแปลกปลอม ซึ่งจุดนี้อาจบอกได้เลยครับว่า ปลอดภัยกว่า “หมูตลาดสด” ด้วยซ้ำ เพราะเอาจริงๆ เราไม่อาจทราบได้แน่ชัดหรอกว่าหมูตลาดนั้น “ใส่วัตถุกันเสีย ใส่สารเร่งเนื้อแดง” หรือไม่
3. เพราะไม่ใส่วัตถุกันเสีย แต่ถนอมคุณภาพมาด้วยวิธีแช่แข็ง จึงทำให้สามารถนำ “หมูนอกคุณภาพดี” จากต่างประเทศมาสู่ผู้บริโภคได้แบบหายห่วง เนื่องจากเก็บได้นาน ไม่เน่า ทำให้เราสามารถสั่งหมูนอก ที่โดดเด่นกว่าหมูในตลาดทั่วไปมาเพิ่มจุดขายให้กับร้านชาบูหมูกระทะของเราได้ กล่าวคือ หมูร้านเราจะไม่เหมือนใคร จนกลายเป็นความดึงดูดใจที่ทำให้ลูกค้าอยากลองนั่นเอง
4. สัญลักษณ์มาตรฐานคุณภาพ GMP หรือ HACCP บนบรรจุภัณฑ์หมูแช่แข็ง คือเครื่องการันตีความสด สะอาด ปลอดภัย ที่บอกเราให้แน่ใจได้ว่า หมูที่ซื้อไปนั้น ไม่ใช่หมูเน่าเสีย และเป็นเนื้อหมูคุณภาพดีแน่นอน
5. หมูแช่แข็ง ทำให้เรา “คำนวณต้นทุน กำไร ที่แน่นอนได้ง่ายกว่าการซื้อหมูตลาด” เพราะทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์สามารถใช้ได้ ไม่ต้องมาผ่านการตัดแต่ง หรือคัดแยกอีกว่า เน่าไม่เน่า มีพยาธิหรือไม่ ในขณะเดียวกัน ในช่วง High Season อย่างเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ราคาเนื้อหมูแช่แข็ง ก็ไม่ได้แปรผันไปตามตลาดให้เราต้องปวดหัว เพราะมีราคามาตรฐานตายตัว รวมถึงไม่ต้องกลัวอีกด้วยว่า ไปตลาดแล้วของจะหมด เพราะมีของตลอดทั้งปีแน่นอน ซึ่งช่วยให้การเตรียมความพร้อมช่วงสิ้นปีเป็นอะไรที่ง่ายและสะดวกกว่าการซื้อหมูตลาดมากๆ
6. การซื้อหมูแช่แข็ง ไม่จำเป็นต้องให้พนักงานไปซื้อบ่อย ๆ ให้เสียเวลาในการเดินทาง ให้เปลืองเวลาพนักงานแทนที่จะไปทำอย่างอื่น เพราะสามารถสั่งซื้อได้ผ่านทางออนไลน์ ที่ถ้าซื้อปริมาณมากพอ ก็ส่งฟรีอีกต่างหาก ทำให้ยิ่งสะดวก ประหยัดเวลา ประหยัดต้นทุนแรงงาน เข้าไปอีก
7. หมูแช่แข็งบางประเภท เป็นหมูที่ปรุงรสเรียบร้อยแล้ว คือผ่านกระบวนการปรุงแต่งรสชาติจากเชฟฝีมือดีมาเสร็จสรรพ ทำให้ประหยัดเวลาในการผลิตเป็นเมนูได้อีกทอดหนึ่ง ซึ่งด้วยความพร้อมและสะดวกแบบนี้เอง จึงทำให้ร้านอาหารควบคุมกระบวนการทำงานได้ดีขึ้น ควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น และส่งผลทำให้มีกำไรเพิ่มมากขึ้นได้
8. ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีตัวเลือกเยอะ เพราะไม่ว่าจะอยากได้ส่วนไหนก็มีให้เลือก จะสันคอ สันนอก สันใน ซี่โครง แบบบด แบบสไลด์หรือไม่สไลด์ หมูแช่แข็งก็มีหมดทุกประเภท สามารถตอบได้ทุกโจทย์ความต้องการ ซึ่งเหมาะมากๆ กับร้านหมูกระทะชาบู ที่ต้องการความหลากหลายของเนื้อหมูหลายๆ ชิ้นส่วน
ขึ้นชื่อว่าร้านอาหารแล้ว ซึ่งไม่จำเป็นเลยว่าจะต้องเป็นร้านชาบูหมูกระทะเท่านั้น แต่ทุกๆ ร้านจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง “เตรียมวัตถุดิบ และพนักงาน” ให้พร้อมกับการให้บริการเสมอ โดยเฉพาะในช่วงเวลาพิเศษ อย่างเทศกาลปีใหม่ วันหยุด หรือมีงานอีเวนท์ต่างๆ ที่ส่งผลต่อปริมาณลูกค้าที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ผู้ประกอบการก็จำเป็นจะต้องเตรียมความพร้อมด้านวัตถุดิบและพนักงานให้พร้อม ซึ่งถ้าสามารถทำด้วยตัวเองได้ ก็ถือเป็นเรื่องดี แต่ถ้าจะหาใครมาช่วย คนๆ นั้นก็ต้องมีความรู้และประสบการณ์ที่มากพอให้เราไว้ใจได้
[irp]
แต่ถ้าหากต้องการ “ตัวช่วยที่ทำให้อะไรๆ ง่ายขึ้น” อาหารแช่แข็ง ก็ถือได้ว่าเป็นทางออกที่ตอบโจทย์ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งก็ไม่ใช่มีเฉพาะแค่หมูแช่แข็งเท่านั้น แต่ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อปลา เนื้อวัว เนื้อไก่ หรือผัก ผลไม้ต่างๆ ฯลฯ ผู้ประกอบการก็สามารถเลือกใช้บริการอาหารแช่แข็งได้ หรือจะเลือกใช้เป็นบางช่วงเวลาอย่างหน้าเทศกาลก็ได้ เพื่อตอบโจทย์ความสะดวก ไม่ต้องยุ่งยาก และไม่ถูกปัญหาราคาวัตถุดิบ วัตถุดิบขาดตลาดเล่นงาน และทำให้ร้านของเราพร้อมรับมือกับลูกค้าในช่วงพีคๆ จนทำให้สามารถสร้างยอดขายและกำไรได้ตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้
อาหารแช่แข็ง ARO ผลิตภัณฑ์วัตถุดิบทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาทางวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ช่วยลดต้นทุน เพิ่มกำไร และมอบความสะดวกสบายประหยัดเวลาไม่ต้องยุ่งยาก โดยมีพร้อมส่งให้ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อสัตว์ทุกชนิด หรือผัก ผลไม้ ก็สามารถสั่งซื้อได้สะดวกง่ายๆ ผ่านทางลิงค์นี้ได้เลยครับ
เช็คราคา สั่งซื้อเนื้อหมูแช่แข็ง
ผ่านช่องทางออนไลน์ ของครบ ส่งถึงบ้าน
คลิก