สำหรับอาหารคาว และอาหารหวานตำรับไทยเรามักจะคุ้นเคยกับ “กะทิ” มาแต่ไหนแต่ไร แต่ปัจจุบันนี้ร้านอาหารเริ่มนิยมใช้นมข้นจืดมาเป็นส่วนผสมสำคัญแทนน้ำกะทิในหลาย ๆ เมนูอาหารทั้งคาวและหวาน ซึ่งอาจมีข้อสงสัยหรือคำถามว่า นมข้นจืด “ใช้แทนกะทิได้เหรอ?” “จะอร่อย หอม มันเหมือนกะทิหรือไม่?” มาไขข้อข้องใจกันว่า การใช้ “นมข้นจืด” ทำอาหารทำขนมแทนกะทินั้น มีข้อดีอย่างไรบ้าง
-
ดีต่อสุขภาพมากกว่า ช่วยเพิ่มมูลค่าเพราะเป็นเมนู Healthy
วัตถุดิบต้นทางของนมข้นจืดกับกะทินั้น มีความแตกต่างกัน โดยตัวหนึ่งมาจากนมและอีกตัวหนึ่งมาจากมะพร้าว นั่นจึงทำให้คุณค่าทางโภชนาการของการใช้นมข้นจืดกับกะทิในการทำอาหารแตกต่างกันไปด้วย ซึ่งถ้าหากถามว่าระหว่างนมข้นจืดกับกะทินั้น อะไรดูมีคุณค่าคุณประโยชน์มากกว่ากัน เชื่อว่าเสียงส่วนใหญ่จะเอียงไปทาง “กะทิ” เพราะมองว่านมข้นจืดนั้นถูกแปรรูปมาแล้ว ก็น่าจะทำให้คุณค่าทางโภชนาการหายไปอยู่บ้าง ซึ่งก็ไม่ผิด
แต่ถ้าหันมามองในมุมของพลังงานที่ร่างกายจะได้รับแล้ว “กะทิ” ให้พลังงานสูงกว่านมข้นจืดอยู่หลายเท่าเลยทีเดียว หรือตัวกะทิเองก็เป็นของแสลงสำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคตระกูล ไขมัน ความดัน น้ำหนักเกินอยู่แล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ การเปลี่ยนมาใช้นมข้นจืดแทนกะทิในการปรุงอาหาร อย่างต้มยำกุ้งน้ำข้น แกงเขียวหวาน ใช้นมหมักหมู ทำไข่เจียว หรือทำของหวานอย่างเฉาก๊วยนมสด ฯลฯ จะทำให้เมนูนั้น ๆ มีความ Healthy มากขึ้น ซึ่งเหมาะมาก ๆ สำหรับ Trend อาหารสุขภาพในยุคปัจจุบัน
-
ราคาย่อมเยาว์มากกว่า ประหยัดต้นทุนได้มากกว่า
ถ้าเทียบกันแล้ว “นมข้นจืด” จะมีราคาถูกกว่า “กะทิ” อยู่พอสมควรเลยทีเดียว โดยนมข้นจืดจะมีราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ ลิตรหรือกิโลกรัมละ 50-55 บาท แล้วแต่แบรนด์ ในขณะที่กะทิสำเร็จรูปราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 60-80 บาท ส่วนถ้าเป็นกะทิคั้นสดจากตลาด อย่างในตลาดยิ่งเจริญ ราคาเฉลี่ยปัจจุบันจะอยู่ที่ กิโลกรัมละ 60 บาทขึ้นไป แล้วแต่ช่วงฤดูกาล ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบราคาแล้ว หากเราต้องการที่จะเปลี่ยนวัตถุดิบเพื่อควบคุมต้นทุนให้ดีขึ้น โดยที่ไม่ได้ทำให้รสชาติและคุณภาพของอาหารเปลี่ยนไป การหันมาลองใช้นมข้นจืดในการประกอบอาหารดู ก็นับได้ว่าเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งช่วยให้ร้านอาหารสามารถทำกำไรมากขึ้น
-
เก็บรักษาได้ง่ายกว่า นานกว่า ควบคุม Waste ได้ดีกว่า
นมข้นจืดคือผลิตภัณฑ์ที่ผ่านกระบวนการสเตอริไรส์ มาเรียบร้อยแล้วทำให้สามารถเก็บไว้ได้ยาวนาน เก็บรักษาง่าย และไม่เกิด Waste ง่าย ต่างจากกะทิ ซึ่งถ้าร้านไหนไม่ได้เลือกใช้แบบสำเร็จรูป แต่เลือกใช้แบบคั้นสดจากตลาดนั้น การเก็บรักษาจะถือได้ว่ายากเอาเรื่อง อายุการใช้งานก็สั้น เสี่ยงเกิด Waste ได้ง่าย และร้ายแรงไปกว่านั้นคือ “กะทิ” คือสิ่งที่เสียได้ง่ายมาก ถ้าร้านเราเกิดพลาดขึ้นมา นำกะทิที่เสีย หรือเก็บแล้วคุณภาพไม่ค่อยดีไปทำอาหาร ก็จะส่งผลต่อรสชาติ และสุขภาพของลูกค้าตามมาจนเกินจะรับมือได้ไหว ในทางกลับกันการใช้นมข้นจืดโอกาสเกิด Waste หรือ บูดเสียมีความเสี่ยงน้อยกว่าด้วยเพราะตัวเนื้อนมผ่านกระบวนการผลิตและบรรจุตามกระบวนการมาตรฐานความปลอดภัยมาเป็นอย่างดีแล้ว
นอกจากในแง่ของวัตถุดิบแล้ว อาหารที่ปรุงด้วยนมข้นจืดจะเสียยากกว่าอาหารที่ปรุงด้วยกะทิ ทำให้ผู้ประกอบการหลายๆ เจ้า เริ่มหันมาใช้นมข้นจืดในการปรุงอาหารแทนเช่นกัน
-
สีสัน ความอร่อยไม่ด้อยกว่า
ความกังวลที่ยืนหนึ่งเสมอในหัวใจและความคิดของผู้ประกอบการที่ยังไม่กล้าหันมาใช้นมข้นจืดแทนกะทินั้น ก็เป็นเพราะกลัวว่าอาหารหรือขนมที่ทำออกมาจะไม่ได้รสชาติที่ดี และไม่อร่อยเท่าแบบที่เคยใช้กะทิ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็ต้องยอมรับว่า การใช้นมข้นจืด กับการใช้กะทิ ปรุงอาหารนั้น จะทำให้เราได้รสชาติออกมาแตกต่างกันจริง แต่ในความแตกต่างนั้นก็ยังถือว่า “อร่อยไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย” เพราะตัวนมข้นจืดเอง ก็สามารถให้ความ หอม มัน และสีสันเข้มสวย ชวนรับประทานกับอาหารได้ไม่แพ้กะทิ และด้วยรสชาติ และรสสัมผัสที่ “เลี่ยนน้อยกว่า มันน้อยกว่า” จึงเกิดกลายเป็นเอกลักษณ์ความอร่อยที่ลงตัวอีกรูปแบบหนึ่ง
และโดยเฉพาะในบางเมนูอย่างเช่น หมวดเบเกอรี่ นมข้นจืดคือส่วนผสมหลักสำคัญที่ขาดไม่ได้ เพราะการใช้นมข้นจืดจะให้ทั้งรสชาติ ผิวสัมผัสที่ละเอียดเนียนนุ่ม และกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเบเกอรี่ ที่หาไม่ได้ในส่วนผสมประเภทอื่น ๆ