ทุกๆ ครั้งที่ผมมีโอกาสได้นั่งคุยกับคนทำร้านอาหารที่ผ่านจุดยากลำบากเมื่อครั้งเริ่มต้นมาได้แล้ว ผมรู้สึกได้ถึงพลังความสำเร็จ พลังความสนุก และพลังความสุขวิ่งพล่านอยู่ตัวเขาเหล่านั้น และสิ่งที่เขาถ่ายทอดออกมาเรียกมันว่า เคล็ดลับความสำเร็จได้อย่างเต็มปาก เพราะมันคือประสบการณ์นอกตำรา มันคือผลลัพธ์จากการทดลองเจ็บมาด้วยตัวเอง จนเจอแนวทางสู่ความสำเร็จซึ่งสามารถ “ลอกเลียนแบบกันได้” เหมือนอย่างเช่น เรื่องราวของคนทำร้านอาหารท่านนี้ สาวเก่งและแกร่งที่ไม่เคยมีความคิดจะทำร้านอาหารในหัวมาก่อน แต่วันนี้ร้านอาหารกลายเป็นบ้านหลังที่สองสร้างความสุข สนุกให้กับเธอ
คุณเขมปภาสร อินุอิ หรือ พี่ลูกปลา เจ้าของร้านอินเทส อินเลิฟ (Intaste in love) ร้านอาหารสไตล์ดินเนอร์&ดริ้ง
ทำด้วยความไม่พร้อม 100%
จุดที่มาในการทำร้านอาหารของพี่ลูกปลาต้องบอกว่าเริ่มต้นด้วยความไม่พร้อม 100% เพราะตัวเองไม่เคยมีความคิดในหัวเลยว่า ชาตินี้จะทำร้านอาหาร แต่สถานการณ์นำพาให้ต้องเดินเข้าสู่เส้นทางนี้ พี่ลูกปลาเล่าให้ฟังว่า
“มันเริ่มมาจากว่า เจ้าของที่เดิมเขาให้เซ้งร้าน แล้วหลานพี่เห็นว่าอยู่ใกล้บ้าน เลยอยากทำร้านอาหารเขาวางคอนเซ็ปต์มาเสนอพี่ๆ ก็อยากสนับสนุนให้หลานมีธุรกิจเลยหาเงินมาลงทุนให้เขา ค่าเซ้ง 3 ล้านบาท จ่ายเงินเสร็จสรรพหลานเดินมาบอกว่า ไม่อยากทำแล้ว?!?!?!? 3 ล้านลงไปแล้ว เป็นหนี้ไปแล้วจะทำไงล่ะก็เลยต้องทำเอง ทำทั้งๆ ที่ไม่มีความความรู้อะไรเกี่ยวกับการทำร้านอาหารเลย ไม่มีไอเดีย ไม่มีคอนเซ็ปต์ ในตอนนั้นทำแบบต้องทำ ก็เอาคอนเซ็ปต์ที่หลานเคยคิดไว้มาทำก่อน เปิดเป็นร้านแนวขายบรรยากาศดนตรีแจ๊สแอนด์บลู ปรากฏว่าเปิดได้ไม่กี่วันโดนเพื่อนบ้านฟ้องร้องว่าเสียดัง ทำให้ต้องเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ร้านใหม่ เรียกว่าในช่วงแรกพี่ปรับเปลี่ยนร้านไปตามปัญหาเลย เจอปัญหาอะไรก็แก้กันไป เพราะเราไม่มีแผนอะไรในหัวเลยทำไปแบบไม่ได้ตั้งตัว”
ไม่คิดถอยเมื่อตัดสินใจแล้วต้องทำให้สำเร็จ
เมื่อถามว่าในตอนนั้นพี่ปลาคิดจะถอดใจถอยประกาศเซ้งต่อหรือไม่ เพราะตลอดช่วงแรกที่ทำเจอสารพัดปัญหารุมเร้าด้วยความที่เป็นมือใหม่ คำตอบที่ได้อย่างเข้มแข็งมากคือ “ไม่” เนื่องจากพี่ปลามีคติและนิสัยส่วนตัวอย่างนึงนั่นคือ เมื่อตัดสินใจทำอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ
“ตอนที่รู้ว่าหลานไม่ทำแล้ว พี่ใช้ความคิดอย่างรอบคอบมากนะ แม้จะมีเวลาให้คิดไม่นาน พี่คิดก่อนเลยว่า ถ้าทำเราเอาอยู่มั้ย เรามีความสามารถพอมั้ย เราเรียนรู้มันได้มั้ย แล้วต้องใช้เงินทุนเท่าไหร่ ด้วยความที่พี่เป็นนักบัญชีด้วย พี่รู้ดีว่าในการทำธุรกิจCash flow สำคัญมาก คำนวณดูแล้วร้านนี้จะให้ไปต่อได้ยาวๆ ต้องใช้ทุนไม่ต่อกว่า 12 ล้านบาท พี่ถามตัวเองเลยว่าเราหาได้มั้ย ถ้าหาไม่ได้ยอมเจ็บตัวที่ 3 ล้านไม่ทำต่อเพราะไม่ไหวแน่ เมื่อคิดจนรอบคอบแล้วได้คำตอบว่า ทำได้ พี่ลุยทันที นิสัยของพี่คือ ถ้าลุยแล้วต้องเอาให้สำเร็จ”
“พี่ทำด้วยความคิดว่ามันคือ ธุรกิจไม่ใช่แค่ความอยาก ทำธุรกิจเมื่อตัดสินใจลงมือแล้วถ้ายังไม่สำเร็จจะเลิกไม่ได้ เพราะถ้าทำแล้วไม่สำเร็จก็เลิกพี่มองว่า มันไม่ใช่ธุรกิจแล้ว มันเป็นที่นิสัยตัวเราเองมากกว่าที่ไม่สู้ ไม่ลุย ทำแล้วต้องเอาให้รอดห้ามเลิกก่อน นี่คือสันดานส่วนตัวของพี่นะ”
ความสำเร็จมีจุดเริ่มมาจากคำตำหนิของลูกค้า
จากวันนั้นถึงวันนี้ผ่านมาปีครึ่งแล้วทิศทางของร้าน Intaste in love ปรับมาสู่เส้นทางเป้าหมายที่ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรกได้แล้ว และเป็นสถานการณ์ที่คนทำร้านอาหารทุกคนต้องการให้เกิดกับร้านตัวเองนั่นคือ มีลูกค้าประจำมากกว่า 80% รายรับก็ขยับแซงรายจ่ายไปไกล แม้จะยังเป็นสถานการณ์ที่ไม่นิ่งแต่ก็น่าพอใจมากเมื่อเทียบกับงบกว่า 15 ล้านบาทที่ลงไปในระยะเวลา 2 ปีกว่าๆ ดอกผลเริ่มปรากฏ ผลลัพธ์นี้เกิดจากการทำงานแบบไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ของพี่ปลา และเป็นคนที่รับฟังทุกความคิดเห็น
“พี่มองว่า ข้อดีของการทำร้านอาหารแบบคนไม่พร้อมอย่างพี่คือ มันทำให้เราไม่มีจุดยืนที่แข็งกร้าวจนไม่ยอมรับฟังใครๆ พี่รับฟังทุกคนโดยเฉพาะลูกค้าที่ตำหนิมา พี่บอกได้เลยว่าที่ร้านเดินมาถึงจุดนี้ได้เพราะข้อตำหนิของลูกค้า พี่ให้ความสำคัญกับคำตำหนิมาก เพราะคำติจะทำให้เรารู้จุดอ่อนของเราและพัฒนาให้มันกลายเป็นจุดแข็งได้ ลูกค้าตำหนิอะไรมาเก็บเอามาคิดว่าจริงมั้ย ถ้าเราแก้ไขไม่ให้เกิดอย่างที่เขาตำหนิมามันจะเป็นผลดีต่ออนาคตมั้ย อะไรที่เป็นผลดีพี่เปลี่ยนทันที ทำทันทีไม่รอ ธุรกิจเรารอไม่ได้ เพราะรายจ่ายมันไม่รอเรา”
ถ้าหาจุดเด่นเจอก็สำเร็จได้ยาว
หนึ่งในปัจจัยที่ส่งให้ Intaste in love อยู่บนเส้นทางความสำเร็จก็คือ การหาจุดเด่นของตัวเองได้ไว ซึ่งพี่ปลายืนยันว่านี่คือสิ่งสำคัญที่คนทำร้านอาหารต้องหาจุดเด่นของตัวเองให้พบแล้วโอกาสสำเร็จก็จะตามมา
“ย้อนกลับไปในช่วงแรกที่ทำร้านพี่เป็นมือใหม่มาก ไม่รู้อะไรในการทำร้านอาหารเลย อาศัยการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เจอปัญหาอะไรก็แก้ เห็นใครทำอะไรคิดว่าดีก็เอามาใช้ จนพี่พบว่าลูกค้าไม่ได้รู้จักเราเลยทุกคนที่มา มาครั้งเดียวแล้วก็หายไป พี่ก็ถามกับตัวเองว่าถ้าเราเป็นลูกค้าทำไมเราต้องมาร้านนี้คำตอบคือ พี่ตอบไม่ได้ มันเลยได้คิดว่า ร้านเราไม่มีจุดเด่นอะไรให้ลูกค้าจดจำ หรือทำให้เขาประทับใจอยากกลับมาบ่อยๆ ได้เลย ความคิดนี้แหละทำให้พี่เปลี่ยนร้านใหม่หมดเลย เพื่อสร้างจุดเด่นให้ตัวเองไม่วิ่งตามใคร สิ่งที่พี่ได้คือ การรู้ว่าเราต้องหาจุดเด่นของเราให้เจอก่อนแล้วอย่างอื่นมันก็จะง่ายขึ้น จุดเด่นที่ว่านี้มันก็คือสิ่งที่เราจะต้องสร้างมันขึ้นมา”
“จุดเด่นที่พี่สร้างให้กับ Intaste in love คือให้เขาเป็นร้านอาหารที่มีความหลากหลายของเมนูแบบเรียบง่าย มีรสชาติอร่อยดั่งเดิม กลมกล่อม มีบรรยากาศที่ผ่อนคลายสบายๆ เหมือนเป็นร้านส่วนตัว มีความสะอาดปลอดภัย และที่สำคัญมีบริการที่ต้องประทับใจ ฟังดูมันก็เป็นเรื่องพื้นฐานของการทำร้านอาหารเนอะ แต่มันคือเรื่องพื้นฐานที่มีผลต่อความสำเร็จ และมันไม่ง่ายเลยที่จะสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา ต้องอาศัยการเรียนรู้ การทดลอง การยอมรับ และการกล้าที่จะเปลี่ยนทัศนคติของตัวเอง”
ยังไม่จบนะครับ เรื่องราวจากประสบการณ์ของพี่ลูกปลาสาวเก่งและแกร่งท่านนี้ ผมเชื่อว่าทุกๆ ช่วง ทุกๆ ตอนจะเป็นประโยชน์ให้นำไปย่อยแล้วประยุกต์ใช้กับการทำร้านอาหารของท่านได้ ในตอนหน้ามาติดตามกันต่อว่า พี่ลูกปลามีเคล็ดลับในการสร้างความสำเร็จให้กับร้าน Intaste in love อย่างไร ขอบอกว่าน่าสนใจมาก เพราะมีทั้งเคล็ดในการทำการตลาด การบริหารจัดการทีมงาน การรักษาลูกค้า และที่เด็ดสุดคือ 6 ข้อคิดเช็คอัพก่อนทำร้านอาหาร ถ้าใครยังไม่มี 6 ข้อนี้โอกาสเสี่ยงเจ็บตัวมีสูง
ร้านIntaste in love
ถนนเลียบด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์
ซอยประดิษฐ์มนูญธรรม 5
เฟซบุ๊ก : In’taste in love
เวลาให้บริการ : 10.30-23.30 น.
โทรศัพท์ : 02-530-6995