วันนี้มีสูตร (ไม่ยาก) ตั้งใจนำมาแบ่งปันกันค่ะ [เป็นสูตรการหาราคาขายที่เหมาะสม] ซึ่งแน่นอนว่า ในแต่ละเมนูมีต้นทุนที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งที่ต้องรู้ก่อนจะคำนวณหาราคาขายคือ ต้นทุนที่เกินขึ้นจริงของอาหารแต่ละชนิดหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าต้นทุนผันแปร วันนี้จะยกเมนูยำปลาหมึกมาเป็นตัวอย่าง ไปติดตามกันเลย
ส่วนผสมของยำปลาหมึก 1 จาน ประกอบไปด้วย (สมมติ^^)
1.ปลาหมึก 1 ตัว (ไซส์ 5 ตัว/กิโล กิโลละ 150 บาท) = 30 บาท
2.หอมหัวใหญ่ 1/2 ลูก = 1 บาท
3.มะเขือเทศ 1/2 ลูก = 1 บาท
4.มะนาว 1 ลูก = 3 บาท
5.พริก และเครื่องปรุงอื่นๆ = 2 บาท
รวมต้นทุนผันแปร = 37 บาท
ต้นทุนคงที่ของร้าน
สมมติร้านนี้ตั้งเป้าไว้ว่าจะขายให้ได้ 400,000 บาทต่อเดือน มีต้นทุนคงที่ประมาณ 100,000 บาท เพราะฉะนั้นต้นทุนคงที่จะเท่ากับ 25% ของยอดขาย
สิ่งต่อมาที่กิจการจะต้องทราบคือ ต้องการกำไรกี่เปอร์เซ็น ของราคาอาหาร สมมติต้องการกำไร 65 เปอร์เซ็น หรือ 0.65 ควรจะเผื่อจากที่ต้องการออกไปอีกประมาณ 2-3% สำหรับในกรณีใส่เยอะ ใส่น้อย ของเสีย ของเน่า เป็นต้น ในกรณีนี้ เราจะบวกเพิ่มเข้าอีก 2% เป็น 67% หรือ 0.67
จากตัวเลขด้านบนแทนค่าในสูตร ดังนี้ต้นทุนผันแปร / (1-อัตรากำไรที่ต้องการ) 37 / 1-0.67 = 112 บาท (ปัดเศษ) ต่อมา ให้เอาราคาขายไปบวกกับต้นทุนคงที่ ตามตัวเลขด้านบน ต้นทุนคงที่จะเท่ากับ 25% ของยอดขาย หมายถึง ถ้าเราขายอาหารราคา 100 บาท จะมีต้นทุนคงที่อยู่ 25 บาท แต่ถ้าเราขายอาหาร 112 บาท จะมีต้นทุนคงที่เท่าไหร่?
จากคำถามจะได้การคำนวณดังนี้
25x112/100 = 28 บาท
112+28 = 140 บาท
ในความเป็นจริงต้นทุนของอาหาร และราคาขายอาจจะสูงหรือต่ำกว่านี้ แปรผันไปตามต้นทุนของแต่ละกิจการ ทั้งนี้เป็นเพียงการสมมติตัวเลขให้เห็นภาพรวมของการคำนวณเท่านั้นค่ะ และสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอีกหนึ่งเรื่องคือ เมื่อเราเปิดดำเนินกิจการมาได้ถึงจุดจุดนึง มักจะมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาจาก ค่าเช่า ค่าแรง ที่เพิ่มสูงขึ้น เราอาจจะต้องยอมรับความเสี่ยงด้านนี้ด้วย เพราะถ้าถึงจุดนั้นแล้ว เราจะมาคิดต่อว่าต้องคำนวณราคาขายใหม่ หรือไม่ เพราะบางทีการเพิ่มราคาขาย อาจไม่สามารถทำได้ ด้วยข้อจำกัดด้านศักยภาพการซื้อของกลุ่มลูกค้า
สำหรับเจ้าของกิจการท่านใด มีวิธีคิดราคาขายที่แตกต่างออกไป ชวนเชิญนำมาแชร์แบ่งปันกันนะคะ
By…แอดมินปอย
