นำเสนอปัญหาข้อ 1 ของ Startup ร้านอาหารไปแล้ววันนี้มีติดตามปัญหาข้อ 2 กันบ้าง ปัญหาข้อนี้อาจไม่ทำให้ถึงเจ๊งอย่างรวดเร็วแต่จะค่อยๆ สะสมพลังไปเรื่อยๆ จนถึงจุดระเบิดก็สามารถทำให้ธุรกิจพังไม่เป็นท่าได้แน่นอน
จากประสบการณ์ได้พูดคุยกับคนทำร้านอาหารมือใหม่สิ่งที่พบจากเกือบทุกคนคือ พวกเขาทุ่มเทกับส่วนงาน 80%ที่ให้ผลลัพธ์แค่ 20% หมายถึงอะไร เช่น ทุ่มเทกับการตกแต่งร้าน จัดการปัญหาครัว ทะเลาะกับซัพพลายเออร์ จู่จี้กับลูกน้อง แม้แต่เรื่องกระถางต้นไม้ยังกลายเป็นประเด็นสำคัญ โดยมีเหตุผลว่า ต้องใส่ใจในรายละเอียดทุกจุด การใส่ใจในรายละเอียดของการทำธุรกิจร้านอาหารเป็นสิ่งสำคัญมากก็จริง แต่ในบางรายละเอียดเจ้าของร้านไม่จำเป็นต้องลงไปดูด้วยตัวเอง
สิ่งที่เจ้าของร้านต้องทำมากที่สุดคือ
1.วางคอนเซ็ปร้าน
2.คิดเมนูอาหาร
3.กำหนดมาตรฐานการทำงาน
4.กำหนดมาตรฐานคุณภาพ รสชาติอาหาร
5.หาระบบการทำงานสำเร็จรูปมาช่วย
6.บริหารงบประมาณ
7.คัดเลือกพนักงานที่มีศักยภาพ
8.หาลูกค้าเข้าร้าน หรือ ทำการตลาดนั่นเอง
ข้อ 8 นี่แหละที่เป็นปัญหาข้อ 2 เพราะแม้ว่าเจ้าของร้านมือใหม่ส่วนใหญ่เห็นความสำคัญกับเรื่องการตลาดมากแต่กลับมีน้อยคนที่จะทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง พวกเขารอให้ลูกค้าค้นพบร้านด้วยตัวเอง ช่องทางการตลาดที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นเฟซบุ๊กแต่ลักษณะการโพสต์ก็เป็นในลักษณะไม่มีพลังดึงดูดลูกค้า และไม่สามารถกระจายข่าวสารไปถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจำนวนมากได้ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาจึงเป็นลูกค้าขาจรกับลูกค้าในย่านใกล้เคียงที่เผอิญเคยผ่านมาเจอซึ่งอาจมีจำนวนไม่เพียงพอที่จะสร้างผลประกอบการตามเป้าได้
หลายๆ ร้านจึงเข้าลักษณะเปิดร้านเพื่อรอคอยให้ลูกค้ามาเจอเอง
ในความเป็นจริงแล้ว ร้านอาหารทุกๆ แห่ง โฟกัสเฉพาะลูกค้าในย่าน 50-300 เมตร เชื่อว่ามีจำนวนมากพอที่จะสร้างผลกำไรต่อเนื่องให้กับร้านได้หากร้านนั้นๆ สามารถทำการตลาดให้ลูกค้ารู้จัก ให้ลูกค้าทราบข้อมูลข่าวสารโปรโมชั่นส่วนลูกค้าต่างถิ่น ถ้ามีมาก็ถือว่าได้กำไรเพิ่ม
ดังนั้น เรื่องการตลาด ประชาสัมพันธ์ร้านจึงเป็นปัญหาข้อ 2 ที่ Startup ร้านอาหารจำเป็นต้องหาข้อมูล และเรียนรู้ เพราะมันเป็นการทำงานส่วน 20% ที่ให้ผลลัพธ์ 80% ส่วนงานรูทีนปล่อยให้เป็นภารของลูกน้องเพราะหากเอาแต่ใช้เวลาหมดไปกับงานรูทีนอนาคตอันใกล้จะมีปัญหาใหญ่ให้ต้องปวดหัวแน่
หมายเหตุ : ข้อมูลที่นำมาเผยแพร่เป็นประสบการณ์ตรง ที่ได้จากเจ้าของกิจการร้านอาหารประเภทต่างๆ