ปัจจุบันกระแสคาเฟ่สัตว์เลี้ยงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคาเฟ่หมา คาเฟ่แมวที่ผุดขึ้นมากมาย เอาใจสาวกคนรักน้องหมาน้องแมว กลายเป็นธุรกิจที่มาแรงไม่แพ้คาเฟ่ขนมหวาน ซึ่งอาจจะเป็นจุดสร้างแรงบันดาลใจให้เติมต่อความฝันของเพื่อนๆที่อยากเปิดคาเฟ่สัตว์เลี้ยง แต่การทำธุรกิจนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่าย เมื่อพูดถึงคาเฟ่สัตว์เลี้ยง จำเป็นต้องมีดาวเด่นประจำร้านที่สามารถเรียกแขกกลุ่มคนรักสัตว์ให้มาเยี่ยมถึงที่ร้านเพื่อถ่ายรูปและสัมผัสกับน้องๆ เหล่านี้และมาซื้อสินค้าบริการของเราไปในตัว เรียกว่า ต้องมีโจทย์ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าร้านอาหารแนวทั่วไปเพราะยังต้องมีเรื่องของการดูแลสวัสดิภาพน้องสัตว์แต่ละตัวและสวัสดิภาพของคุณลูกค้าด้วย แต่ในความยากของโจทย์ก็มีผู้ทำสำเร็จให้ผู้อื่นได้เห็นเป็นแนวทางเรากำลังจะพูดถึง Little Zoo Caféซึ่งแตกต่างจากคาเฟ่สัตว์เลี้ยงทั่วไปเพราะเป็นคาเฟ่แนวสัตว์แนวExotic ที่สร้างชื่อดังไกลออกนอกประเทศ มาทำความรู้จักกับร้าน Little Zoo Café และแนวทางการสร้างธุรกิจร้านคาเฟ่สัตว์เลี้ยงให้ประสบความสำเร็จกันค่ะ
Exotic Pets Café ที่เรียนรู้ของคนชอบสัตว์แปลก
เดิมทีคุณเบียร์ (วชิราภรณ์ อร่ามพิบูลย์ผล) เจ้าของร้านลิตเติ้ล ซู คาเฟ่ ประกอบธุรกิจนำเข้าสัตว์เลี้ยงประเภท Exotic โดยมีหน้าร้านอยู่ที่สวนจตุจักร มีลูกค้าหลายคนที่สนใจและอยากเรียนรู้นิสัยสัตว์เพื่อเก็บข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่อยู่ที่บ้านส่วนตัวของคุณเบียร์ ทำให้บางครั้งไม่สะดวกที่จะให้ลูกค้ามาที่บ้าน จึงเกิดความคิดอยากเปิดคาเฟ่ที่เป็นสถานที่พบปะกับลูกค้าที่สนใจสัตว์ Exotic เหล่านี้ ให้มาศึกษาเรียนรู้นิสัยสัตว์ ถูกใจสัตว์ประเภทไหนก็สามารถสั่งซื้อที่นี่ได้เลย หรือบางคนที่ไม่สามารถเลี้ยงได้ ก็มาเล่นที่นี่ได้เช่นกัน ที่ลิตเติ้ล ซู คาเฟ่มีสัตว์ให้ยลโฉมหลายประเภท เช่น เฟนเน็คฟ็อกซ์ เร้ดฟ็อกซ์ แรคคูน เมียร์แคท คาราคัล(แมวป่า) เป็นต้น ซึ่งเป็นสัตว์ของคุณเบียร์ที่เลี้ยงไว้อยู่แล้ว ผลัดกันมาอวดโฉมให้ลูกค้าได้สัมผัส นอกจากสัตว์เลี้ยงแล้วยังมีเครื่องดื่มและเค้กบริการอีกด้วย เป็นคาเฟ่เล็กๆที่ให้ลูกค้าได้มาผ่อนคลายและสนุกสนานไปกับสัตว์ Exotic เหล่านี้
“ ก่อนเปิดคาเฟ่ มีการไปศึกษาข้อมูลตามคาเฟ่แมวต่างๆ ที่ไหนมีคาเฟ่แมวก็จะไปทุกที่ หาจุดเด่น จุดด้อย วิธีการบริหารจัดการ แล้วนำมาปรับให้เข้ากับร้านของเรา ”
ดังไกลถึงระดับเอเชีย เพราะมีซุปตาร์เป็นสัตว์แปลก
ความตั้งใจแรกของคุณเบียร์ ที่ต้องการเปิดคาเฟ่เพื่อบริการลูกค้าที่มาซื้อสัตว์เลี้ยงเท่านั้น ได้มีการวางจุดเด่นของร้าน คือ เป็นคาเฟ่จิ้งจอก ซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีใครชูจุดเด่นเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้มองไกลถึงขั้นจะทำคาเฟ่เป็นจริงเป็นจังและไม่คิดว่าจะได้กระแสตอบรับดีถึงเพียงนี้ จากลูกค้าที่มาซื้อสัตว์เลี้ยงซึ่งเป็นลูกค้าที่มาจากธุรกิจขายสัตว์ ก็มีการบอกต่อผ่านทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ค และรีวิว มีการแชร์ต่อๆกันไปสู่วงกว้างถึงกลุ่มคนที่รักสัตว์แต่ไม่เคยเป็นลูกค้าร้านขายสัตว์ของคุณเบียร์มาก่อน ต่างอยากมาเยี่ยมชมดาวเด่นของที่นี่ไม่ว่าจะเป็น เจ้าเฟนเน็คฟ็อกซ์ น้องกุ๊ก แรคคูนตัวอ้วนจอมป่วน เมียร์แคทแสนซน วันไหนโชคดีอาจได้เจอพี่เบอกิ้น แมวป่าคาราคัล กลายเป็นซุปตาร์ที่ใครๆก็อยากมาถ่ายรูปด้วย และไม่ใช่แค่ดังในกลุ่มคนไทยที่รักสัตว์เท่านั้น แต่ยังดังไปถึงแถบเอเชีย ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากหลายชาติไม่ว่าจะเป็นชาวจีน ไต้หวัน สิงค์โปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย ต่างอยากมาสัมผัสน้องๆซุปตาร์เหล่านี้ มีสื่อช่อง CNN ของไต้หวันบินมาทำข่าวถึงที่ร้านเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังได้ลงสื่อนิตยสารของแอร์เอเชีย ฉบับเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวชาวเอเชียยิ่งขึ้นไปอีก และร้านลิตเติ้ล ซู คาเฟ่ ถือเป็นร้านแรกในเอเชียที่เป็นคาเฟ่จิ้งจอก เป็นความโด่งดังที่ได้มาจากเจ้าสัตว์แปลกแต่น่ารักน่าเอ็นดูเป็นจุดเด่นนั่นเอง
“ เขาถึงขั้นบอกว่า ถ้าคุณมาเมืองไทย แล้วไม่มาที่นี่(ลิตเติ้ล ซู คาเฟ่) เหมือนมาไม่ถึง ”
ผู้จัดการซุปตาร์
สัตว์เลี้ยงทุกชนิดต่างมีชีวิตและจิตใจ แน่นอนว่าเมื่อเหล่าแฟนๆของพวกเขามาเยี่ยมกันมากมาย ย่อมต้องมีเหนื่อยเป็นธรรมดา คุณเบียร์บอกว่า “ในแต่ละวันน้องๆจะมีคิวต้อนรับแขกเยอะมาก จะคอยดูน้องตลอดว่าเหนื่อยรึยัง ถ้าเหนื่อยจะให้พัก ปิดห้องไปเลยประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง และก่อนที่ลูกค้าจะเข้าห้องมาสัมผัสน้องๆต้องล้างมือให้สะอาด เพื่อป้องกันสัตว์ป่วย เราต้องดูแลสุขภาพน้องให้ดีที่สุด” ทุก 1 เดือน จะมีหมอเฉพาะทางด้านสัตว์ Exotic ประจำร้านมาตรวจสุขภาพเสมอ และยังมีการหมุนเวียนสัตว์บางชนิดกลับไปที่บ้านเพื่อให้พักผ่อนได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้จะมีสต๊าฟอย่างน้อย 1 คน อยู่ในห้องสัตว์เสมอ ไม่อนุญาตให้ลูกค้าเข้าเล่นกับสัตว์ตามลำพัง และควรต้องเชื่อฟังสต๊าฟ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บของทั้งสองฝ่ายไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ บางครั้งต้องไปออกงาน Event หลายวัน หรือถ่ายภาพลงสื่อ ต้องดูคิวไม่ให้เหนื่อยเกินไป ในเมื่อน้องๆเป็นเหมือนซุปตาร์ เจ้าของร้านจำเป็นต้องถนอมสุขภาพร่างกายและจิตใจ ให้พร้อมต้อนรับแฟนคลับที่มาทั่วทุกสารทิศในระยะยาว ซึ่งไม่ต่างกับการเป็นผู้จัดการดารานั่นเอง
เมื่อถามถึงปัญหาระหว่างคนกับสัตว์ คุณเบียร์บอกว่า “มีเด็กมาเล่น โดยพ่อแม่ไม่มาดูแลด้วย พอเด็กไม่เชื่อฟัง สต๊าฟเลยไม่กล้าดุ ตอนหลังต้องบอกสต๊าฟว่า ให้ห้ามเด็ก ต้องดุเด็กนะ เพราะกลัวจะได้รับอันตราย ถ้าไม่เชื่อฟัง ก็ให้ไปบอกพ่อแม่ของเด็ก มีบางคนโดนกัด เราก็จะบอกสาเหตุว่าทำไมถึงโดนกัด ลูกค้าจะเข้าใจ”
ถึงแม้ว่าร้านลิตเติ้ล ซู คาเฟ่ เป็นที่รู้จัก มีชื่อเสียงในกลุ่มคนรักสัตว์ทั้งชาวไทยและชาวเอเชีย แต่ด้วยงบประมาณการลงทุนค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นค่าตกแต่งร้าน ค่าเช่าร้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหารสัตว์ ค่าจ้างพนักงาน ค่าวัตถุดิบของเครื่องดื่มและเค้ก และค่าจิปาถะต่างๆ ลำพังรายได้จากการขายสัตว์เลี้ยงและเครื่องดื่ม-เค้กคงไม่เพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงร้านให้อยู่ในระยะยาวได้ ตอนหน้า มาติดตามกันว่า คุณเบียร์ (วชิราภรณ์ อร่ามพิบูลย์ผล) เจ้าของร้าน Little Zoo Café มีกลยุทธ์อย่างไรให้ร้านมีรายได้ สร้างกำไรอย่างต่อเนื่อง รับรองว่ามีประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากจะเปิดร้านแนวคาเฟ่สัตว์เลี้ยงแน่นอนค่ะ
ขอขอบคุณ
ร้าน Little Zoo Café คาเฟ่สำหรับคนรักสัตว์
โครงการสุโขทัย99 เมืองทองธานี
เปิดให้บริการทุกวัน 10.30 – 19.00 น.
โทร. 092-448-1116
เรื่องโดย แมวเพ้อเจ้อ