จุดอ่อนอย่างหนึ่งของคนทำร้านอาหาร SME บ้านเราที่สังเกตเห็นได้ทั่วไปคือ มักไม่ค่อยอวดของดีให้ผู้บริโภครับรู้ จุดนี้ทำให้เสียโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย วันนี้จึงมาชวนเพื่อนๆ อวดของดีที่มีอยู่ในร้านออกมาให้ลูกค้าได้รับรู้ ได้รู้ว่าเรามีดี แล้วของดีที่เรามีนี่แหละครับ จะทำให้เราสามารถอัพกำไรได้แบบที่ไม่ได้ลงทุนเพิ่มเลย!!!
การอวดของดีที่ว่านี้ก็เป็นการเล่าเรื่องราว หรือ Story เมนูที่ร้านเรามี วัตถุดิบที่ร้านเรานำมาใช้ มันเป็นการเพิ่มคุณค่าที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับเมนูนั้นๆ ได้ ความสามารถนี้เราลอกเรียนแบบจากญี่ปุ่นได้ ใครไปญี่ปุ่นส่วนใหญ่ต้องอดใจไม่ไหวกับการควักกระเป๋าจ่ายเงินซื้อขนมที่มีแป้ง ถั่ว และความหวาน เมื่อกินไปแล้วหลายคนมักบอกว่า ไม่เห็นอร่อยเลย แต่ก็ซื้อไปแบบเต็มใจ เพราะส่วนหนึ่งถูกกระตุ้นจาก Story ที่เขาสร้างขึ้นมาให้กับสินค้านั้นๆ วิธีนี้แหละเรานำมาพลิกแพลงใช้กับเมนูอาหารในร้านเรา บอกเล่าเรื่องราวของคุณค่าต่างๆ ในเมนูนั้นออกมา ให้ผู้บริโภครับรู้ถึงมูลค่าในตัวอาหารจานนั้น
ยกตัวอย่างบางร้านใช้เนื้อหมูของแบรนด์ดังที่การันตีมตารฐานความสะอาดคุรภาพสูง แต่เรื่องราวแบบนี้ก็ไม่ได้ถูกถ่ายทอดออกมา ลองดูนะครับ ถ้าร้านเรามีวัตถุดิบที่แตกต่าง วัตถุดิบที่เราคัดสรรมาอย่างดี วัตถุดิบมาจากแหล่งพิเศษๆ หรือกรรมวิธีพิเศษ บอกเล่าออกมาครับ เราจะสามารถอัพมูลค่าเมนูจานนั้นขึ้นมาได้โดยที่ลูกค้าไม่รู้สึกว่ามันแพง ต่อให้เป็นเมนูผัดกระเพรา แต่ถ้าเราบอกว่าหมูที่นำมาใช้เป็นหมูอนามัย (ยี่ห้อ) ผ่านการหมักด้วยสูตรพิเศษจนได้เนื้อที่นุ่มหอม ผักที่ใส่ลงไปเป็นผักปลอดสารพิษ ข้าวที่ใส่ลงจานคือข้าวหอมมะลิออแกนิคจากกลุมเกษตรกรในโครงการ….บร้าๆๆๆ เขียนเป็นเรื่องราวบอกเล่าไว้ เมนูกระเพราจานนี้จากปกติ 35 บาท ร้านเราจะขาย 45 บาท ลูกค้าก็ยินดี เพราะสิ่งที่เขารับรู้ผ่านเรื่องราวที่เราถ่ายทอดออกมามันคือ สิ่งดีๆ ที่เขาจะลงทุนให้กับตัวเอง
มีหนึ่งร้านตัวอย่างที่บอกเล่าสิ่งดีๆ ออกมาจนเป็นผลเกิดความเชื่อมั่นในคุณภาพและบริการ ลูกค้าไว้วางใจ และต้องการมาใช้บริการ โดยทีราคาอาหารไม่ได้เป็นอุปสรรคเลย นั่นคือร้าน “Meruto Sushi” ของเชฟอาร์ม ทุกๆ เรื่องราวของ Meruto Sushi ตั้งแต่ความเป้นมาของร้าน ตัวเซฟ กระบวนการทุกขั้นตอน วัตถุดิบทุกอย่าง จะถูกนำเสนแง่มุมดีงามออกมาอย่างชนิดที่ว่า “เพิ่มมูลค่าได้ทั้งร้าน” อย่างเช่น การบอกเล่าวัตถุดิบซึ่งเป็นปลาจากธรรมชาติตัวนี้…
“อยากรู้ไหมครับว่าทำไมคอซูชิถึงถามกันว่า แต่ละคำคือปลาธรรมชาติไหม?
แล้วทำไมปลาธรรมชาติถึงราคาสูงกว่าปลาเลี้ยงล่ะ? แล้วมันมีดีอะไรนะ? มาดูกับครับ
Tennen 天然 เท็นเน็น แปลว่า ธรรมชาติ
- ปลาธรรมชาติที่เราได้มาจะได้รสชาติที่เป็นธรรมชาติ จับตามธรรมชาติ คือชาวประมงจะได้ปลามาตรงตามฤดูกาล จับมาสดๆ เลย รสชาติของปลาจะขึ้นอยู่กับอาหารและอุณหภูมิของน้ำทะเล ณ ตอนนั้น ในขณะที่ปลาเลี้ยงจะได้รสชาติเหมือนเดิมตลอดทั้งปีเนื่องจากมีการคุมอาหารและอุณหภูมิของน้ำ
- เป็นปลาที่สุขภาพดีเนื่องจากได้ว่ายน้ำเยอะเพราะอยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ทำให้เนื้อที่ได้มีความแน่นและเฟิร์มกว่า ในขณะที่ปลาเลี้ยงจะมีเนื้อที่ออกไปทางนุ่มนิ่มกว่าเพราะปลาไม่ได้ออกกำลังกาย
- จับโดยใช้เบ็ดหรือลากอวนเท่านั้น ซึ่งโอกาสในการจับได้ไม่ 100% คือหลายตัวเราก็รอลุ้นจากทางญี่ปุ่น เขาก็จะบอกว่ามีโอกาสจับได้ 80-90% แต่ไม่ได้การันตีครับ เชฟก็ต้องลุ้นกันตัวโก่งครับ
- มีลักษณะสวยกว่าปลาเลี้ยง อย่างเช่นในรูปนี้จะเป็น ฮิราเมะธรรมชาติ ที่ทางร้าน Meruto นำเข้ามาในรอบนี้ครับ จะเห็นได้ว่าจุดสีขาวบนหลังจะชัดเจนมาก และ ท้องเป็นสีขาวล้วนไม่มีรอยด่างๆเหมือนปลาเลี้ยง ส่วนเนื้อยิ่งไม่ต้องพูดถึงครับเฟิร์มและหวานสุดๆ
รู้อย่างนี้แล้ว นี่คือหนึ่งในคำตอบว่า ทำไมซูชิที่ร้านเราถึงมีรสชาติ original เหมือนทานที่ญี่ปุ่น และวัตถุดิบหวานสด เมื่อรวมกับวิธีปรุงที่เชฟครีเอทแตกต่างกันไปให้เหมาะกับปลาแต่ละวัน จึงทำให้ลูกค้าพบรสชาติที่ไม่ลืมเลือนครับ
แล้วพบกันนะครับ มาพบกับวัตถุดิบชั้นเลิศ ไม่ต้องบินไปถึงญี่ปุ่นก็ทานอร่อย เป็นส่วนตัวได้ที่นี่”
เจอเรื่องราวแบบนี้ต่อให้เซ็ทละ 2 พันกว่า คอซูชิก็ยินดีจ่าย เพราะเขาจะรู้สึกว่าเป็นการจ่ายเพื่อความคุ้มค่าของตัวเอง…ลองดูนะครับ มีขอดีบอกเล่ามันออกมา แล้วเราจะเพิ่มราคา เพิ่มยอดขายได้ตามมาครับ
ขอบคุณ เรื่องราวตัวอย่าง
ร้าน Meruto Sushi
eservation: 092-369-7924
L.i.n.e: @merutosushi