กลับมาพบกับเรื่องราวเคล็ดลับคนสำเร็จกันอีกครั้ง เป็นการคั่นจังหวะบทความสาระเชิงกลยุทธ์ที่เราจัดหนักแบบติดอาวุธให้เพื่อนผู้ประกอบการร้านอาหารได้นำไปใช้ลดต้นทุน เพิ่มพูนกำไร แต่ก็ใช่ว่า เนื้อหาวันนี้จะเบาๆ เพราะมีสาระเต็มๆ ไม่แพ้กัน เป็นเรื่องราวของผู้ประกอบการที่อยู่บนเส้นทางความสำเร็จกิจการร้านนม ที่ชื่อว่า “ร้านบ้านนม” ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากปัญหา และทำร้านเพื่อแก้ปัญหา จนเกิดเป็นโจทย์ของความความสำเร็จ พร้อมแล้วไปติดตามเรื่องราวของ “ร้านบ้านนม” ผ่านคำให้การของ 2 สาวพี่น้องเจ้าของร้านคนเก่ง คุณทิราภรณ์ เขื่อนแก้ว(โอ๋) คุณธิดารัตน์ เขี่อนแก้ว (อ้อม) กันเลยครับ
ทำร้านเพราะมีปัญหา
“ต้องบอกว่า ร้านนี้เกิดมาจากปัญหาค่ะ คือเป็นปัญหาของเรากับพวกเพื่อนๆ ที่อยากหาที่นั่งเมาส์มอยกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันหลังเวลาเลิกงานซึ่งทุกครั้งที่พวกเรารวมตัวกันไม่มีสั้นค่ะ ยาวจนถึงเที่ยงคืนตลอดๆ เราจึงอยากหาร้านที่นั่งคุยกันได้ยาวๆ แต่ไม่ต้องการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเวลานั้นร้านนมแบบนั่งชิลๆ ในลำปางที่นั่งจนถึงเที่ยงคืนไม่มีเลย มีแต่ร้านเหล้าเต็มเมือง แต่เราอยากหาที่นั่งที่ตอบโจทย์คนไม่ดื่มเหล้า จากจุดนี้แหละเริ่มเกิดเป็นไอเดียขึ้นว่า น่าจะทำร้านที่ตอบสนองความต้องการของคนแบบพวกเราขึ้นมา ซึ่งมีอยู่ไม่น้อยในลำปาง บทสรุปมาหยุดอยู่ที่ ร้านนม ลงตัวมากสุด พอได้โจทย์ว่าเป็นร้านนมที่ตอบสนองคนนอนดึกนั่งชิลเอ้าท์ได้ ภาพต่างๆ ก็เริ่มชัดขึ้น เพราะในลำปางร้านนมแบบเปิดเป็นร้านสแตนอโลนแทบไม่มี ส่วนใหญ่เป็นรถเข็นสามทุ่มก็ปิดร้านกันหมดแล้ว จึงมองเห็นโอกาสในธุรกิจเกิดขึ้นมา” คุณโอ๋เปิดประเด็นจุดเริ่มต้นของร้าน
ไม่กลัวเรื่องฐานลูกค้า เพราะมองเห็นความต้องการตลาดชัดเจน
“ส่วนเรื่องของความมั่นใจว่า เปิดแล้วจะโอเคหรือไม่เพราะลำปางเป็นเมืองไม่ใหญ่มาก ณ ตอนนั้นเราไม่กลัวเลย เพราะเรามั่นใจว่า มีกลุ่มลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่มองหาร้านในแบบที่เราคิดทำกัน คือ ร้านที่ไม่ใช่พับ ไม่ขายแอลกอฮออล์ นั่งชิลสบายๆ คุยกัน แต่โจทย์ที่ตามมาคือ แล้วจะทำยังงัยให้ร้านเป็นสถานที่จุดนัดหมายของคนกลุ่มที่ว่านี้ คำตอบที่เราคิดกันเวลานั้นคือ ต้องทำร้านให้ได้บรรยากาศเหมือนเป็นบ้านนัดเพื่อนมาเจอกัน คุยกันเฮฮา เราจึงมีกีต้า มีเกมส์ให้ลูกค้านั่งเล่น ใครอยากร้องเพลง ร้อง ใครอยากเล่นเกม เล่น ใครอยากอ่านหนังสือ อ่าน จึงเป็นที่มาของคำว่า บ้านนม” คุณอ้อมเสริมเรื่องคอนเซปร้าน
งบประมาณ และการบริหารงบ
“เราลงทุนทำร้านบ้านนมด้วยงบประมาณเริ่มต้น 100,000 บาท โดยจัดสรรงบออกเป็น
?ส่วนตกแต่ง 50,000 บาท
? ซื้ออุปกรณ์เริ่มต้น 15,000 บาท
?ค่าของสดที่ต้องซื้อ เช่น นม น้ำหวาน ของหมุนเวียนต่างๆ 10,000 บาท
? เช่าล่วงหน้า และค่ามัดจำ ไม่มี
? โปรโมทร้านช่วงเริ่มต้น 5,000 บาท
? ค่าป้ายเมนู อุปกรณ์สำนักงาน 3,000 บาท
? ที่เหลือเป็นทุนหมุนเวียนในร้าน 20,000 บาท
โดยเราจะนำกำไรที่ได้ในแต่ละเดือนมาใช้ปรับปรุงพัฒนาร้านทีละเล็กทีละน้อย ค่อยๆ ทำตามกำลังหรือตามกำไรที่ได้ เช่น ขยายพื้นที่นั่ง ติดแอร์เพิ่ม เช่าคูหาเพิ่ม เพื่อรองรับลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น เราจะไม่ควักทุนออกมาทำในส่วนนี้โดยไม่จำเป็น” ทั้งคุณโอ๋และคุณอ้อมร่วมกันแจกแจงงบประมาณให้เห็นภาพ
ใช้สูตรบริหารทีมงานแบบพี่สอนน้อง
“เนื่องจากร้านเราเปิดตั้งแต่ 9 โมงจนถึง เที่ยงคืน จึงจำเป็นต้องแบ่งพนักงานออกเป็น 2 กะ โดยเราจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ พนักงานประจำ กับพนักงานพาทไทม์ มีผู้จัดการเข้าร้านตอนเช้าเพื่อเซตร้าน ออกรอบ 5 โมงเย็น รองผู้จัดการเข้า 3 โมง ออกเที่ยงคืน พนักงานพาทไทม์ เข้า 9:00-18:00 น. และ 18:00-24:30 น. การบริหารทีมงานของเรายึดหลักพี่สอนน้อง คนที่มาก่อนถ่ายทอดประสบการณ์ความรู้ให้รุ่นหลัง ชี้แนะ แนะนำ ส่วนเรา 2 คนก็ทำหน้าที่ตรวจเช็คความถูกต้องเรียบร้อย จะเน้นทำงานเป็นทีมเวิร์ค เพราะเป็นทำงานร่วมกันสองทีมระหว่างทีมเช้าและทีมเย็น ถ้าช่วงเช้าไม่เตรียมของ ช่วงเย็นเวลาลูกค้าเยอะก็จะแย่ ส่วนช่วงเย็นก็ต้องแจ้งงานให้ช่วงเช้าว่า วัตถุดิบอะไรหมด หรือมีอะไรที่ต้องจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องแก้ไข หรือปัญหาที่พบในรอบเย็นมีอะไรบ้าง ก็ต้องเขียนรายงานให้รอบเช้า” คุณโอ๋ อธิบายถึงวิธีวางแผนบริหารการทำงานของทีมงานอย่างไรให้ลงตัว
“จะเห็นได้ว่า ทั้ง 2 รอบทำงานมีความสำคัญทั้งสิ้น ดังนั้นการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าพบปัญหาและไม่มีการแจ้ง จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างแรง ในบางกรณี เช่นเคยทำนมสดเสียยก 10 ถุง เพราะพนักงานที่เข้าใหม่ล้างถังแล้วไม่เติมน้ำแข็ง เป็นผลจากรุ่นพี่สั่งงานแล้วไม่สนใจมาเช็คงาน ส่วนรุ่นน้องที่มาใหม่ ไม่รู้ และก็ไม่ยอมถาม สรุปเสียหาย เราจึงย้ำเสมอว่า ในการถ่ายทอดงาน เราจะทำเป็นหนังสือคู่มือ และข้อควรระวัง คนที่อยู่ก่อนเคยมีประสบการณ์มาก่อน จะต้องสอนเตือนน้องว่าอันไหนต้องระวังพิเศษ และถ้าน้องไม่เข้าใจ อย่าคิดเองทำเองให้สอบถามคนที่มาก่อน การชงนมทุกขวด ทุกแกลอน จะต้องมีการวัดชั่งตวงตามมาตรฐาน ห้ามคิดเองชงเองเด็ดขาด เราใส่ใจเรื่องรสชาด ความปลอดภัย ความพอใจ ของลูกค้าเป็นหลัก”
“ส่วนการเก็บเงินจะใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ออนไลน์ตรวจเช็คยอดได้ตลอด และส่งยอดหลังปิดร้านทุกวัน มีสถิติเช็คยอดขายดี ตามหมวดหมู่ และข้อมูลการยกเลิกสินค้า ซึ่งข้อมูลพวกนี้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ยอดสั่งซื้อ และแนวโน้มว่าจะเพิ่มหรือปรับเปลี่ยนเมนูในอนาคตอย่างไร ซึ่งเราถือว่าการวิเคราะห์เหล่านี้ สำคัญมากในการดำเนินกลยุทธที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด” คุณอ้อมเสริมความสำคัญเรื่องของการสร้างมตรฐานการทำงาน
ยังๆ ยังไม่จบครับ แต่เดี๋ยวจะยาวจนอ่านเมื่อยสายตากันเสียก่อน พรุ่งนี้มาต่อกันอีกตอน กับคำแนะนำดีๆ ในการทำร้านนมอย่างไรให้สำเร็จ สไตล์ “ร้านบ้านนม” รับรองว่า มีแง่คิด และตัวอย่างดีๆ น่าสนใจมาให้ได้ติดตามกันครับ
ข้อมูลร้านบ้านนม
Facebook : barnnomLampang
ID Line : 0821810867
โทร 0882692432 0922369541